รบกวนถามหลวงพี่นิดนึงค่ะ
คือที่เข้าใจในตอนนี้คือ ในการทำความเห็นให้ถูกต้องของเราในแต่ละวันนั้น
ให้จำกัดอยู่ภายใน ๒ ลักษณะ คือ ๑ ระดับ โลกียะ และ ๒ ระดับ โลกุตระ ใช่มั้ยคะ
///พระ///
การทำความเห็นให้ถูกต้องตรง เป็นความหมายของคำว่า สัมมาทิฏฐิ
และสัมมาทิฏฐิ นี้ มี ๒ ระดับ คือ
๑ ระดับที่ยังมีอาสวะ และ
๒ ระดับเพื่อพ้น อาสวะ
วันนี้ที่ nc พูดถึง ผลของกรรม หรือ วิบากนั้น
จัดเป็นข้อที่ ๔ ในสัมมาทิฏฐิ ระดับยังเกี่ยวข้องอยู่กับอาสวะหากเปลี่ยนเป็นพูดถึง
เรื่อง พระคุณของ แม่
ก็จะเป็น สัมมาทิฏฐิ ในข้อที่ ๗ คือ มารดามี อย่างนี้เป็นต้น
หากเราไม่มีพื้นฐานความรู้ การที่จะค้นคว้าเอง ก็เป็นเรื่องยาก
การถามในเบื้องต้นก่อน ก็เป็นการสมควรแล้ว ไม่รบกวนพระ แต่อย่างใด
และก็ พร้อมบอกให้ด้วยความยินดี เพื่อคนอื่น ที่ยังไม่เข้าใจ
ได้เข้าใจกันยิ่งขึ้น
เราทุกคน ไม่มีใครเลย ที่จะเริ่มต้นรู้ ด้วยการรู้มาก่อน
แต่ทุกคนนั้้นจะเริ่มรู้ได้ จากความรู้ของผู้รู้มาก่อนแล้วทั้งนั้น
ต่อให้เป็นความคิดสร้างสรรค์ที่เพิ่งเกิดมีขึ้นในโลก
ก็ยังต้องพึ่งพาความคิดต้นแบบก่อนหน้าเพราะต้องรู้ว่า อะไรมีอยู่ก่อนแล้ว
เพื่อจะได้คิดในสิ่งที่ยังไม่มี จึงจะสร้างสรรค์ในสิ่งใหม่ได้
แม้พระพุทธองค์ ก็ทรงต้องเกิดในศาสนา ของพระศาสดาองค์ก่อนหน้ามาหลายครั้ง
จนกว่าพระบารมี จะเต็ม
เมื่อเราถามในขอบเขตที่ควรถาม คำถามนั้นก็เป็นการสมควรเสมอ
พระตุ๋ย ชาคโร ๕๗๑๒๒๙ ๒๑๓๑
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น