อย่างละเท่าๆกัน อย่างน้อยต้องหนักอย่างละ10บาท (150กรัม)
ทั้งนี้สุดแท้แต่ภาชนะที่ใช้กลั่นจะบรรจุได้มากเท่าใด ถ้าภาชนะที่ใช้บรรจุลงได้มากจะเอาอย่างละมากๆก็ได้แต่ต้องให้มีน้ำหนักเท่ากัน ไม่ให้ขาดไม่ให้เกิน
วิธีกลั่น
การต้มกลั่นต้องใช้ภาชนะที่ทนต่อความร้อน ห้ามเอาภาชนะที่เป็นโลหะ
เท่าที่ท่านพระอาจารย์ท่านเคยทำท่านใช้ไหกระเทียมสมัยเก่าที่มาจากเมืองจีนหม้อดินก็ใช้ไม่ได้ เมื่อได้ภาชนะที่จะกลั่นมาแล้วก็เอาตัวยาทั้งสี่อย่างบรรจุลงไป ไม่ต้องผสมน้ำ ใช้กลั่นแห้งๆตามสภาพของตัวยาใช้ไหกระเทียมอีกลูกหนึ่งมาป็นภาชนะรองรับน้ำยา ใช้หลอดแก้วใสเป็นท่อต่อระหว่างปากไหทั้งสอง ถ้าไม่มีหลอดแก้วจะใช้ขวดแก้วขาวตัดก้นออกแทนก็ได้เอาก้นขวดใส่ทางปากไหที่ใส่ตัวยาเอาปากขวดใส่ทางไหที่รองรับ ปิดปากไหทั้งสองด้วยดินเหนียวที่นวดไว้อย่างดีให้แน่นสนิท
การกลั่นต้องรักษาระดับไฟในระยะแรกต้องไม่เร่งไฟให้ร้อนเกินไปอาจทำให้
ระเบิดได้ ส่วนไหที่รองรับน้ำยานั้นก็ต้องใช้ความเย็นช่วยโดยเอาผ้าชุบน้ำคลุมไว้แล้วเอาน้ำเย็นรดให้เย็นอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ไอกลายเป็นหยดน้ำและช่วยดูดไอมาจากไหที่กลั่นด้วย
การกลั่นยาส้มนี้ถ้าตัวยามากก็ต้องใช้เวลามากหน่อยกว่ายาจะ"จืด"ก็ต้องเสียเวลาเป็นวันหรือทั้งวันทั้งคืน
ถ้าจะดูว่ายาจืดหมดหรือยังให้สังเกตที่หลอดแก้วในตอนแรกๆจะมีควันออกมาเป็นสีขาวๆ เมื่อตัวยาถูกความร้อนจัดเข้าจะละลายแล้วเดือดเต็มที่ ควันในหลอดแก้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองๆ ถ้าเร่งไฟร้อนจัดเกินไป ควันจะเป็นสีเหลืองแก่และแดง ถ้าควันในหลอดแก้วออกเป็นสีแดงเข้มมากเกินไปให้ผ่อนไฟลงหน่อย ถ้าปล่อยนานจะเผาไหม้หมดก่อนและได้น้ำยาน้อย
ขณะกำลังกลั่นยากำลังเดือดและไอกำลังไหลออกมาตามหลอดแก้วนั้น
ไหที่รองรับน้ำยาต้องรดน้ำให้เย็นตลอดเวลา ระวังอย่าให้น้ำที่ทำให้เย็นนั้นกระเซ็นไปถูกหลอดแก้ว แก้วจะแตกเสียก่อน เมื่อตัวยาหมดควันในหลอดแก้วจะกลับขาวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อตัวยาหมดแล้วให้ให้ถอยไฟออก เพื่อให้ความร้อนลดลง แล้วจึงค่อยๆแกะดินเหนียวที่หุ้มปากไหออกที่ด้านไหนก็ได้แล้วแต่สะดวก ยกไหที่รองรับน้ำยาออกตั้งไว้ แล้วหาขวดมีจุกเป็นแก้วมาบรรจุตัวยาเก็บไว้ต่อไป
สรรพคุณยาส้ม
อันยาส้มนี้ป็นยาครอบจักรวาล ใช้แก้ได้หลายอย่างเช่น
- แผลสดมีดบาดหรือตะปูตำ
ใช้สำลีชุบยาส้มป้ายที่แผลแผลจะหาย(แต่ต้องทนแสบเอานิดหน่อย)
- แผลเปื่อยก็ใช้ได้แต่ไม่ใช่หิดเปื่อยพุพอง
- แผลเปื่อยพุพองเวลาใส่ยาส้มจะมีอาการแสบ เมื่อหายแสบแล้วแผลจะแห้งตกสะเก็ดหายไปเอง
ถ้าจะแก้โรคต่างๆเกี่ยวกับเลือดเป็นต้นว่าสตรีออกลูกแล้วอยู่ไฟไม่ได้หรือ
คลอดบุตรแล้วเลือดตกมากหรือเป็นมุตกิดระดูขาว,ผอมแห้งแรงน้อย,มักเป็นลมหน้า มืดตาลายฯลฯ ให้ใช้ยาส้มผสมน้ำสะอาด(ถ้าได้น้ำฝนยิ่งดี)
พอให้มีรสเปรี้ยวเท่ากับน้ำมะนาวหรืออ่อนกว่านิดหน่อย รับประทานวันละครึ่งถ้วยแก้ววันละสามเวลา รับไปเรื่อยๆจะหายเป็นปกติ โรคเกี่ยวกับสตรีนั้นใช้ได้ผลมาก
อนึ่งโรคปวดท้องเกี่ยวกับมดลูกแลอื่นๆใช้เห็นสรรพคุณมามากแล้ว
ถ้าเป็นตาแดง,เจ็บตา,ตาแฉะ ให้เอายาส้มผสมน้ำให้มีรสพอรู้สึกเปรี้ยว
หยอดตาจะหายเจ็บ,หายแฉะ,หายจากเป็นตาแดง ตามลำดับ
การใช้ยาส้มรักษาโรคภายนอก
นอกจากรักษาแผลแล้วยังแก้อสรพิษต่างๆได้ดีอีกด้วย เป็นต้นว่า
ตะขาบกัด,แมลงป่องต่อย,ปลาดุกยักษ์ก็เอายาส้มใส่แก้ได้
ถ้าถูกพิษตะขาบหรือแมลงป่องใช้เข็มบ่งปากแผลให้มีเลือดออกนิดหน่อยเสียก่อนแล้วเอายาส้มใส่ที่แผล ความเจ็บปวดและอาการพิษอื่นๆจะหายในทันที
สำหรับแก้ปวดฟันแมงกินฟันรากฟันเน่า ใช้สำลีชุบยาส้มแปะที่รูของฟันหรือรากฟันที่เน่า อาการปวดจะหายเป็นปลิดทิ้ง ฟันเป็นรำมะนาดและลิ้นเป็นซางก็ใช้ยาส้มใส่ได้ผลดี
ลิ้นเปื่อยเป็นแผลก็เช่นกัน
อนึ่งสำหรับโรคเกี่ยวกับฟันจะใช้กากของยาส้ม(ที่เหลืออยู่ในไหที่ใช้กลั่น)
ก็ได้ กากนี้นำมาบดใช้แทนยาสีฟันก็ดี
การเก็บรักษา
ตัวยาส้มเป็นกรดชนิดหนึ่งจะบรรจุในภาชนะที่เป็นโลหะต่างๆไม่ได้
เช่นสังกะสี หรือ ดีบุก ถ้าเอายาส้มใส่จะทะลุภายใน 5 -10นาที
ต้องใช้ภาชนะที่เป็นแก้วด้วย อย่าใช้ฝาจุกอย่างอื่นยาจะกัดผุหมด
หมายเหตุ
***ถ้ายาส้มหยดถูกเสื้อผ้าให้รีบเอาไปซักน้ำโดยเร็ว มิฉะนั้นผ้าจะขาด
การใช้ยาส้มรักษาโรคต่างๆนั้นห้ามใช้ตัวยาล้วนๆ
นอกจากใช้รักษาแผลและแก้พิษร้ายต่างๆ ตามธรรมดาต้องเจือน้ำหลายเท่า
เวลามีคนมาขอท่านพระอาจารย์มักจะให้ยาที่เจือจางไว้ก่อนแล้ว
ไม่ใช่ให้ตัวยาล้วนๆเพราะเกรงว่าเอาไปใช้ไม่ถูกจะเกิดอันตรายขึ้น
โดยเฉพาะการใช้ในโรคตาต้องเจือน้ำให้อ่อนที่สุด
เพียงมีรสเปรี้ยวนิดหน่อยเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น