Sroikaew Phromsungnoen | 19 เมษายน 16:20 |
ประเภทของกรรมตามคำสอนทางพระพุ ทธศาสนา แบ่งเป็น 4 หมวดๆ ละ 4 ประเภท รวม 16 ประเภท มีดังต่อไปนี้
1. หมวดกิจจะจตุกกะ คือ กรรมว่าโดยหน้าที่ มี 4 ประเภท ได้แก่
1.1 ชนกกรรม คือ กรรมมีหน้าที่ยังวิบากให้เกิด สัตว์โลกทั้งปวงย่อมเกิดด้ วยอำนาจของชนกกรรม แต่ละชาติที่เกิดภายใต้กฏแห่ งชนกกรรมเป็นพนักงานตกแต่งให้ เกิดทั้งหมด
1.2 อุปัตถัมภกกรรม คือ กรรมมีหน้าที่อุปถัมภ์ค้ำชู กรรมอื่นเป็นกรรมที่เข้าไปอุปถั มภ์กรรมของสัตว์ ที่เกิดแล้ว เมื่ออำนาจของชนกกรรมนำปฏิสนธิ แล้วอุปถัมภกกรรมก็เข้าทำหน้าที ่อุปถัมภ์ให้ ได้รับทุกข์หรือสุขหรืออกุ ศลกรรมหรือกุศลกรรมให้มีพลั งมากยิ่งขึ้น
1.3 อุปปีฬกกรรม คือ กรรมมีหน้าที่เบียดเบียนกรรมอื่ นเข้าไปทำร้ายหรือบีบคั้นกรรมอื ่นที่มีสภาพตรงกันข้าม ซึ่งมีทั้งฝ่ายกุศลและฝ่ายอกุศล เป็นผลให้กรรมฝ่ายตรงกันข้ามอ่ อนกำลังลงเสื่อมลง
1.4 อุปฆาตกกรรม หรืออุปัทเฉทกกรรม คือ มีหน้าที่เข้าไปตัดรอนกรรมอื่ นที่มีสภาพตรงกันข้ามได้อย่ างเด็ดขาดและรวด เร็วเป็นปัจจุบันทันด่วนยิ่งกว่ าอุปปีฬกกรรม ซึ่งมีทั้งฝ่ายกุศลและอกุศล เป็นผลให้เจ้าของกรรมได้รับผลทั นทีทันใด
2. หมวดปากะทานปริยายะจตุกกะ คือ กรรมว่าโดยลำดับการให้ผล มี 4 ประเภท ได้แก่
2.1 ครุกรรม คือ กรรมหนักซึ่งมีอำนาจให้ผลเป็ นลำดับแรกก่อนกรรมทั้งหลายไม่มี กรรมใดจะมีพลัง มาขวางกั้นผลแห่งครุกรรมนี้ได้ เลยซึ่งมีทั้งฝ่ายกุศลและอกุศล
2.2 อาสันนกรรม คือ กรรมที่ให้ผลเวลาใกล้ตาย ซึ่งมีอำนาจให้ผลเป็นอันดั บสองรองจากครุกรรม จะชักนำบุคคลเจ้าของกรรมให้ได้ รับผลโดยไม่เนิ่นช้า
2.3 อาจิณณกรรม หรือพหุลกรรม คือ กรรมที่ทำบ่อยๆเนืองๆ ให้ผลเป็นลำดับสาม ถ้าไม่มีครุกรรมและอาสันนกรรม กรรมนี้จะให้ผลเพราะเป็นกรรมที่ กระทำบ่อยๆ สั่งสมไว้ในสันดานมากๆ ย่อมจักได้โอกาสให้ผลในชาติต่ อไปทันที
2.4 กตัตตากรรม คือ กรรมที่สักแต่ว่ากระทำ มีอำนาจให้ผลเป็นลำดับที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมที่ผู้กระทำไม่ตั้ งใจ ไม่มีเจตนา เป็นสักแต่ว่ากระทำลงไป เป็นกรรมที่มีพลังน้อยที่สุด แต่ก็ย่อมมีโอกาสให้ผล ในบรรดาสัตว์ที่ยังเวียนว่ ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏสงสารนี้ ที่จะได้ชื่อว่าไม่มีกตั ตตากรรมเป็นอันไม่มี
3. หมวดปากะกาลจตุกกะ คือ กรรมว่าโดยเวลาที่ให้ผล มี 4 ประเภท ได้แก่
3.1 ทิฐธรรมเวทนียกรรม คือ กรรมที่ให้ผลในชาติปัจจุบันเป็ นกรรมที่ให้ผลรวดเร็วปัจจุบันทั นด่วน ไม่ต้องไปรอรับผลชาติหน้าหรื อชาติไหนๆ ซึ่งมีทั้งฝ่ายที่เป็นกุ ศลและอกุศล
3.2 อุปปัชชะเวทนียกรรม คือ กรรมที่ให้ผลในชาติหน้า เป็นกรรมที่ให้ผลช้าเป็นที่ สองรองจากทิฏฐธรรมเวทนียกรรม
3.3 อปราปริยะเวทนียกรรม คือ กรรมที่ให้ผลในชาติต่อๆ ไปเป็นกรรมที่ให้ผลช้ารองจาก 2 ข้อแรก ย่อมให้ผลในชาติที่ 3 เป็นต้นไป ซึ่งมีทั้งฝ่ายกุศลและอกุศล
3.4 อโหสิกรรม คือ กรรมที่สำเร็จแล้วไม่มีโอกาสให้ ผล เพราะทิฏฐธรรมเวทนียกรรมอื่นมี พลังสูงกว่าชิงส่งผลให้เสียแล้ วจึงกลายเป็น กรรมที่หมดประสิทธิภาพไม่ว่ าจะเป็นฝ่ายกุศลหรือฝ่ายอกุศล
4. หมวดปากะฐานจตุกกะ คือ กรรมว่าโดยฐานะให้ผล มี 4 ประเภท ได้แก่
4.1 อกุศลกรรม คือ กรรมที่ให้ผลนำไปเกิดในอบายภูมิ 4 ได้แก่ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน
4.2 กามาวจรกุศลกรรม คือ กรรมที่ให้ผลนำไปเกิดในสุคติภู มิ๗ ได้แก่ มนุษย์และสวรรค์ 6 ชั้น
4.3 รูปาวจรกุศลกรรม คือ กรรมที่ให้ผลนำไปเกิดในรูปพรหม 4 ชั้น
4.4 อรูปาวจรกุศลกรรม คือ กรรมที่ให้ผลนำไปเกิดในอรูปพรหม 4 ชั้น ขอจงพิจารณาดูเถิดว่า เราเกิดมาในชาตินี้ด้ วยกรรมอะไรอดีตกาลที่ผ่ านมาและในปัจจุบันเราประสบการณ์ ที่ดีและร้ายด้วยอำนาจแห่ งกรรมอะไร หากจะพิจารณาด้วยปัญญาก็ จะทราบชัดถึงกรรมของตนเองได้เป็ นอย่างดี เพราะเหตุว่าสัตว์โลกทั้งหลายมี กรรมเป็นของๆ ตน ย่อมจักหนีกรรมไม่พ้นไม่ กรรมใดก็กรรมหนึ่งแน่นอนตราบเท่ าที่ยังว่ายวนอยู่ใน สังสารวัฏ
1. หมวดกิจจะจตุกกะ คือ กรรมว่าโดยหน้าที่ มี 4 ประเภท ได้แก่
1.1 ชนกกรรม คือ กรรมมีหน้าที่ยังวิบากให้เกิด สัตว์โลกทั้งปวงย่อมเกิดด้
1.2 อุปัตถัมภกกรรม คือ กรรมมีหน้าที่อุปถัมภ์ค้ำชู
1.3 อุปปีฬกกรรม คือ กรรมมีหน้าที่เบียดเบียนกรรมอื่
1.4 อุปฆาตกกรรม หรืออุปัทเฉทกกรรม คือ มีหน้าที่เข้าไปตัดรอนกรรมอื่
2. หมวดปากะทานปริยายะจตุกกะ คือ กรรมว่าโดยลำดับการให้ผล มี 4 ประเภท ได้แก่
2.1 ครุกรรม คือ กรรมหนักซึ่งมีอำนาจให้ผลเป็
2.2 อาสันนกรรม คือ กรรมที่ให้ผลเวลาใกล้ตาย ซึ่งมีอำนาจให้ผลเป็นอันดั
2.3 อาจิณณกรรม หรือพหุลกรรม คือ กรรมที่ทำบ่อยๆเนืองๆ ให้ผลเป็นลำดับสาม ถ้าไม่มีครุกรรมและอาสันนกรรม กรรมนี้จะให้ผลเพราะเป็นกรรมที่
2.4 กตัตตากรรม คือ กรรมที่สักแต่ว่ากระทำ มีอำนาจให้ผลเป็นลำดับที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมที่ผู้กระทำไม่ตั้
3. หมวดปากะกาลจตุกกะ คือ กรรมว่าโดยเวลาที่ให้ผล มี 4 ประเภท ได้แก่
3.1 ทิฐธรรมเวทนียกรรม คือ กรรมที่ให้ผลในชาติปัจจุบันเป็
3.2 อุปปัชชะเวทนียกรรม คือ กรรมที่ให้ผลในชาติหน้า เป็นกรรมที่ให้ผลช้าเป็นที่
3.3 อปราปริยะเวทนียกรรม คือ กรรมที่ให้ผลในชาติต่อๆ ไปเป็นกรรมที่ให้ผลช้ารองจาก 2 ข้อแรก ย่อมให้ผลในชาติที่ 3 เป็นต้นไป ซึ่งมีทั้งฝ่ายกุศลและอกุศล
3.4 อโหสิกรรม คือ กรรมที่สำเร็จแล้วไม่มีโอกาสให้
4. หมวดปากะฐานจตุกกะ คือ กรรมว่าโดยฐานะให้ผล มี 4 ประเภท ได้แก่
4.1 อกุศลกรรม คือ กรรมที่ให้ผลนำไปเกิดในอบายภูมิ 4 ได้แก่ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน
4.2 กามาวจรกุศลกรรม คือ กรรมที่ให้ผลนำไปเกิดในสุคติภู
4.3 รูปาวจรกุศลกรรม คือ กรรมที่ให้ผลนำไปเกิดในรูปพรหม 4 ชั้น
4.4 อรูปาวจรกุศลกรรม คือ กรรมที่ให้ผลนำไปเกิดในอรูปพรหม 4 ชั้น ขอจงพิจารณาดูเถิดว่า เราเกิดมาในชาตินี้ด้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น