วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2559

กรรมฝ่ายบาป ๘ อย่าง

Sroikaew Phromsungnoen19 เมษายน 17:01
กรรมฝ่ายบาป ๘ อย่าง
พูดถึงกรรมชั่ว ๘ อย่างก่อน ท่านกล่าวไว้ในอรรถกถาพระอภิธรรมว่า ท่านกล่าวไว้ใน อรรถกถาพระอภิธรรมว่า
(๑) บาปกรรมบางอย่างถูกคติสมบัติห้ามเสีย จึงไม่ให้ผล
(๒) บาปกรรมบางอย่างถูกอุปธิสมบัติห้ามเสีย จึงไม่ให้ผล
(๓) บาปกรรมบางอย่างถูกกาลสมบัติห้ามเสีย จึงไม่ให้ผล
(๔) บาปกรรมบางอย่างถูกปโยคสมบัติห้ามเสีย จึงไม่ให้ผล
(๕) บาปกรรมบางอย่างอาศัยคติวิบัติ จึงให้ผล
(๖) บาปกรรมบางอย่างอาศัยอุปธิวิบัติ จึงให้ผล
(๗) บาปกรรมบางอย่างอาศัยกาลวิบัติ จึงให้ผล
(๘) บาปกรรมบางอย่างอาศัยปโยควิบัติ จึงให้ผล


นี้เป็นฝ่ายบาป ๘ อย่าง คือ อาศัยสมบัติ ๔ อาศัยวิบัติ ๔ รวมเป็น ๘ ทีนี้ จะยกตัวอย่างให้ดู



ข้อที่ ๑ บาปกรรมบางอย่างถูกคติสมบัติห้ามเสีย จึงไม่ให้ผล
คืออย่างไร ? คือบางคนนี้ทำบาปไว้ ทำบาปมาก แต่อาศัยที่ว่าเขาไปเกิดดีเสีย บาปกรรมตามเขาไม่ได้ ในคัมภีร์อรรถกถา ท่านยกตัวอย่างว่า มีชาวประมงคนหนึ่ง แกตกเบ็ดมาถึง ๕๐ ปี แต่ช่วงปลายชีวิตแกได้ฟังธรรมจากพระมหาเถระองค์หนึ่ง ถึงไตรสรณาคมน์ ไตรสรณาคมน์นี้มีผลมาก อย่างที่เรากล่าวว่า พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ (*อ่านว่า => พุด-ทัง-สะ-ระ-นัง-คัด-ฉา-มิ *ผู้จัดทำ) เป็นต้น นี้อย่าคิดว่าไม่มีผล ไม่ใช่ปากว่าเฉยๆ เมื่อถึงไตรสรณาคมน์ เมื่อแกถึงไตรสรณาคมน์ก็บุญมันมาก ที่แกตกเบ็ดนั้น ความจริงแกก็ไม่ได้ทารุณมากเท่าไรเพราะแกทำมาหากินของแก แต่เมื่อแกมาถึงไตรสรณาคมน์ แกตายไปก็เกิดในสวรรค์ เมื่อไปเกิดในสวรรค์แล้ว บาปกรรมที่แกไปตกเบ็ดนั้นตามแกไปไม่ได้เพราะมันเกิดดีเสียแล้ว จะให้ไปตกยากได้อย่างไร ชาวสวรรค์เขาไม่มีตกยาก เขามีแต่รุ่งเรือง เพราะฉะนั้น บาปที่ทำไว้ไม่รู้จะให้ผลอย่างไรเพราะไปเกิดในที่ดีเสียแล้ว เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าวว่า บาปกรรมบางอย่างถูกคติสมบัติห้ามเสีย ห้ามตรงไหน ? ห้ามกรรมที่เคยไปตกเบ็ดไว้ แต่ถ้าแกจุติลงมาจากสวรรค์เมื่อไร ทีนี้บาปนั้นจะตามให้ผลแกในตอนหลัง แต่ตอนนี้บาปกรรมถูกห้ามเสียแล้
เพราะฉะนั้น ในข้อที่ ๑ จึงบอกว่า บาปกรรมบางอย่างถูกคติสมบัติห้ามเสีย เพราะว่าเขาได้คติสมบัติ เขาเกิดในสวรรค์แล้ว บาปกรรมที่เขาตกเบ็ดไว้ตามเขาไม่ทัน แต่ว่าถ้าเขาจุติจากสวรรค์แล้วมันก็ตามมาทีหลัง แต่ที่ว่านี้หมายถึงบาปกรรมบางอย่าง ไม่ใช่ทุกอย่าง อย่าคิดว่าทุกอย่าง



ข้อที่ ๒ บาปกรรมบางอย่างถูกอุปธิสมบัติห้ามเสีย จึงไม่ให้ผล

เช่น บางคนทำชั่วเอาไว้เป็นกรรมชั่วบางอย่าง แต่เขาเกิดมาเป็นคนรูปงาม รูปหล่อ เช่น บางคนเกิดมายากจนจริง เกิดมากับกรรมไม่ดีของเขาจึงยากจน แต่เขารูปสวย รูปหล่อ เพราะฉะนั้น เมื่อเขาได้อุปธิสมบัติอย่างนี้ แม้จะเป็นทาสรับใช้เขา แต่เนื่องจากรูปสวย รูปาม รูปหล่อ นายจึงไม่ค่อยใช้งานมากเพราะว่ารูปต้องใจนาย บางคนประกวดนางสาวไทยยังได้ แม้อยู่ต่างจังหวัดแท้ๆ เพราะรูปสวยรูปงาม ก็ได้รับยกย่องให้มีงานดี ให้มีอะไรดีทั้งๆ ที่เขาทำกรรมไม่ดีไว้ เขาเกิดมาลำบาก แต่ว่ารูปร่างเขาด เมื่อมีรูปร่างดีก้ได้งานดี ได้อะไรดี เพราะว่าอุปธิสมบัติห้ามกรรมชั่วของเขาไว้

ข้อที่ ๓ บาปกรรมบางอย่างถูกกาลสมบัติห้ามเสีย จึงไม่ให้ผล
คือ คนบางคนทำชั่วบางอย่างไว้ เขาไปเกิดในยุคที่บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง ผู้ปกครองประกอบด้วยธรรม เขาก็อยู่ดีมีความสุขเพราะไปเกิดในยุคนั้น ในยุคที่บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง ในกาลที่รุ่งเรือง เช่น เกิดไปพบพระพุทธเจ้า พยพระพุทธศาสนา ก็บุญของเขาทั้งๆ ที่กรรมชั่วบางอย่างของเขามีอยู่ แต่ตามเขาไม่ทันเวลานั้น เนื่องจากเขาไปได้กาลสมบัติที่ดี

ข้อที่ ๔ บาปกรรมบางอย่างถูกปโยคสมบัติห้ามเสีย จึงไม่ให้ผล
ปโยคะนี้คือความเพียรหรือการกระทำที่ดี บางคนนั้นเกิดในตระกูลที่ยากจนข้นแค้นลำบากเพราะกรรมชั่วที่เคยทำไว้ แต่เขาขยันหมั่นเพียร ตั้งใจศึกษาปฏิบัติ สร้างตัวด้วยความขยันหมั่นเพียรจริงๆ เมื่อเขามีความขยันหมั่นเพียรมากความจนก็ลดน้อยลง เพราะความขยันหมั่นเพียรหรือปโยคะตัวนี้ห้ามไม่ให้กรรมชั่วติดตามเขามาได้ เพราะฉะนั้น ในข้อที่ ๔ จึงบอกว่า บาปกรรมบางอย่างถูกปโยคสมบัติห้ามเสีย คือถูกความเพียร การกระทำที่ดีห้ามเสีย

ข้อที่ ๕ บาปกรรมบางอย่างอาศัยคติวิบัติ จึงให้ผล
เช่น บางคนทำกรรมชั่วไว้ พอไปเกิดเป็นสัตว์นรกก็ให้ผลทันทีเลย เพราะคติไม่ดีก็ให้ผลทันทีเลย หรือเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ถูกฆ่า ถูกแทง ถูกเสียบเลย เพราะเขาไปได้คติวิบัติแล้ว เหมาะพอดี

ข้อที่ ๖ บาปกรรมบางอย่างอาศัยอุปธิวิบัติ จึงให้ผล
คือเขาเกิดมารับกรรมที่ตัวประกอบ เช่นมีโรคภัยไข้เจ็บบ้าง กรรมยิ่งซ้อนเข้าไปอีกเพราะร่างกายไม่ดี

ข้อที่ ๗ บาปกรรมบางอย่างอาศัยกาลวิบัติ จึงให้ผล
บางคนพอไปเกิดในยุคที่ข้าวยากหมากแพง ยุคที่พระเจ้าแผ่นดินหรือผู้ปกครองไม่ประกอบด้วยธรรมก็ถูกทรมานยิ่งขึ้น หรือได้รับความเดือดร้อนยิ่งขึ้น บาปกรรมที่เขาทำไว้ก็ให้ผลทันทีที่เขาเกิดในยุคที่เป็นกาลวิบัติ

ข้อที่ ๘ บาปกรรมบางอย่างอาศัยปโยควิบัติ จึงให้ผล
ปโยควิบัติ คือความเพียร การกระทำ ถ้าทำชั่วทำไม่ดี กรรมที่ตัวเองเคยทำชั่วหนักอยู่แล้ว ก็ก่อทุกข์หนักเข้าไปอีก อย่างบางคนเกิดมายากจนข้นแค้นแล้วยังสูบเฮโรอินเข้าอีก ยังกินเหล้าเมายาอีก ยังขี้เกียจอีก ดังนั้น บาปกรรมบางอย่างที่เขาเคยทำไว้ได้อาศัยปโยควิบัติจึงให้ผล ทำให้ผู้นั้นได้รับบาปกรรมนั้นได้ง่าย
กรรมที่กล่าวมาแล้วข้างต้นทั้งหมดนั้น ๘ อย่าง นี้เป็นฝ่ายบาปกรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น