อ.แสดงธรรม
:พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์:
๑๗๖ ฤกษ์ยามในพระพุทธศาสนา
ปัญหา ทางพระพุทธศาสนามีการสอน
ให้ถือฤกษ์ ถือยาม ในการทำงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือไม่ ?
พุทธดำรัสตอบ “.....
สัตว์ทั้งหลายประพฤติชอบในเวลาใด
เวลานั้นชื่อว่าเป็นฤกษ์ดี มงคลดี สว่างดี รุ่งดี ขณะดี ยามดี
.... ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สัตว์เหล่าใดประพฤติสุจริต
ด้วยกาย.... ด้วยวาจา.... ด้วยใจในเวลาเช้า
เวลาเช้าก็เป็นเวลาเช้าที่ดีของสัตว์เหล่านั้น
สัตว์เหล่าใดประพฤติสุจริตด้วยกาย.... ด้วยวาจา.... ด้วยใจในเวลาเที่ยง เวลาเที่ยงก็เป็นเวลาเที่ยงที่ดีของสัตว์เหล่านั้น
สัตว์เหล่าใดประพฤติสุจริตด้วยกาย..... ด้วยวาจา... ด้วยใจในเวลาเย็น เวลาเย็นก็เป็นเวลาเย็นที่ดีของสัตว์เหล่านั้น...”
สุปุพพัณหสูตร ติ. อํ. (๕๙๕)
ตบ. ๒๐ : ๓๗๘-๓๗๙ ตท. ๒๐ : ๓๓๕
ตอ. G.S. I : ๒๗๒
http://www.84000.org/true/176.html
กา.ทำความเห็นถูกตรง
สัมมาทิฏฐิ เบื้องต้น
๑.ทาน ที่ให้แล้วมีผลจริง พระพุทธ ทรงให้ทานแก่ชาวโลก โดยทรงใช้พระธรรมคำสอนแก่ชาวโลก เพี่อให้พบหนทางพ้นทุกข์ มีผลจริง
ทาน ที่ถวายแก่พระสงฆ์เพื่อดำรงค์ไว้ซึ่งพระพุทธศาสนามีผลจริง
การให้ทาน เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น มีผลจริง
อภัยทาน
การให้อภัยแก่ผู้อื่น การงดเว้นการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่นไม่ว่าคนหรือสัตว์ มีผลจริง
ธรรมทาน
การให้ธรรมทาน ให้ความรู้ คือให้ปัญญาแก่ผู้อื่น มีผลจริง
เพื่อปรุงแต่งจิต ทานต่อพวก๑๔
๒..การบูชามีผลจริง ;ด้วย
อามิสบูชา ,ปฏิบัติบูชา
เพื่ออ่อนน้อม ถ่อมตน สรรเสริญ เคารพ ลดอัตตาฯบูชาต่อสุจริต๓
๓.บวงสรวงที่สังเวยแล้วมีผลจริง
เพื่อสร้างพละกำลัง กับผู้สามารรถเสริมกำลังเรา ต่อพวก๕ แขก,ญาติ,เทว,ราช,เปรต มีผลจริง
๔. ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เชื่อว่า การทำความดีหรือชั่ว และต้องได้รับผลแห่งการกระทำนั้น จริง
๕. โลกนี้มีอยู่จริง เชื่อว่า ผู้ตายจากโลกอื่น มาเกิดในโลกนี้มีอยู่จริง ผู้สั่งสมความดี ประพฤติปฏิบัติดี เมื่อตายไปจะได้เกิดในภพภูมิที่ดี ผู้มีธรรม จะมีสุขที่แท้จริง และพบหนทางพ้นทุกข์
๖. โลกหน้ามีจริง เชื่อว่า ผู้ที่ตายจากโลกนี้ไปเกิดในโลกหน้ามีอยู่จริง
สุดแต่กรรมดีกรรมชั่วที่ได้ทำไว้ พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ หากปฎิบัติตามจะเกิดในภพภูมิที่ดี
๗.มารดามีคุณจริง ต้องตอบแทน การกระทำดี ชั่ว ต่อมารดาย่อมได้รับผลจริง
๘.บิดามีคุณจริง ต้องตอบแทน การกระทำดี ชั่ว ต่อบิดาย่อมได้รับผลจริง
๙.สัตว์ที่ผุดเกิดขึ้นมีจริง โอปปาติกะมีจริง การเวียนว่ายในวัฏฏะสงสารมีจริง
๑๐. พระอรหันต์ พระพุทธเจ้า ผู้สามารถรู้แจ้งเห็นจริงทั้งโลกนี้และโลกหน้าด้วยตนเองแล้วสอนผู้อื่นให้พ้นทุกข์ มีอยู่จริง
สัมมาทิฏฐิ เบื้องปลาย
๑. ความรู้ในทุกข์ – ความเกิดขึ้นแห่งทุกข์ ; ขันธ์๕ อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นถือมั่น ๕ อย่าง
ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ
วัฏสงสารอันหาที่สุดมิได้>กรรมเก่า - กรรมใหม่ ความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่
ชาติ ชรา มรณะ ความทุกข์โทมนัส ความโศก ความคับแค้นใจ ความเวียนว่ายตาย เกิด ไม่มีที่สิ้นสุด
๒. ความรู้ในทุกข์สมุทัย -เหตุให้เกิดทุกข์ ; >กรรมเก่า กรรมใหม่ การเวียนว่ายในวัฏสงสาร คือการปรากฎขึ้นแห่งกองทุกข์ วิญญาณย่อมเข้าไปตั้งอาศัยใน รูป เวทนา สัญญา สังขาร
ด้วยอำนาจแห่งนันทิและราคที่มีในนั้น >การเกิด>ภพใหม่ ความไม่รู้อริยสัจ4 ความอยากในตัณหา๓
๓. ความรู้ในทุกขนิโรธ (ความดับทุกข์) ;คือ ความดับแห่งกรรม ดับตัณหา๓ ความรู้ในอริยสัจ๔
๔. ความรู้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา (ทางดับทุกข์)
มัชฌิมาปฏิปทา อริยมรรคมีองค์๘ คือแนวทางแห่งการพ้นทุกข์
นับคำข้าว งิ้ว/ย/บ่อ -๒๘/๗/๕๙
ช- งา ๒๑
ท- งิ้ว ๒๘
กล่าวคำอธิษฐาน หลังการทำบุญกาฯลฯ
กราบ กราบ กราบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น